ทดสอบก่อนเรียน
บทที่ 1 Everyday English
บทที่ 2 What should you do?
บทที่ 3 Hello, could you tell me……?
1 of 4

การออกเสียงหนักเบา

การเน้นเสียง (stress) ในภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการพูด คำที่เขียนอย่างเดียวกันเมื่อออกเสียงเน้นหนักต่างกัน จะให้ความหมายต่างกันด้วย เช่น
de’sert เมื่อเน้นเสียงหนักที่พยางค์แรก มีความหมายว่า ทะเลทราย และเป็นคำนาม
des’ert เมื่อเน้นเสียงหนักที่พยางค์ที่สอง มีความหมายว่า ทอดทิ้ง ทิ้งร้างไป เป็นคำกริยา

หลักการเน้นเสียงคำหลายพยางค์ในภาษาอังกฤษ
1. คำที่สะกดเหมือนแต่ออกเสียงต่างกัน ตามหน้าที่ของคำ (parts of speech) โดย
1.1 เมื่อทำหน้าที่เป็นคำนาม เน้นที่พยางค์ต้น เช่น
de’sert = ทะเลทราย
ob’ject = วัตถุ
pe’rmit = ใบอนุญาต การอนุญาต
1.2 เมื่อเป็นคำกริยา เน้นที่พยางค์หลัง เช่น
obje’ct = คัดค้าน
permit’ = อนุญาต
des’ert = ละทิ้ง ทอดทิ้ง
2. คำที่มีอุปสรรค (prefix) และรากคำ (root) ออกเสียงเน้นหนักที่พยางค์แรก ซึ่งเป็น อุปสรรค (prefix) เช่น
d’istract
tr’ansfer
op’posite
pr’ecise
ir’rigation
de’monstrate
ex’cellent

คำที่มีอุปสรรค (prefix) และคำ (word) ออกเสียงเน้นหนักที่คำ ไม่เน้นที่อุปสรรค (prefix) เช่น
prescri’ption
disagr’ee
misunderst’and
4. การออกเสียงเน้นหนักที่คำแรก
คำที่มีปัจจัย (suffix) ต่อท้ายคำ ออกเสียงเน้นหนักที่คำแรก ปัจจัย (suffix) คือหน่วยคำที่เติมเข้าข้างท้ายคำหรือรากศัพท์เพื่อเปลี่ยนความหมายหรือเกิดเป็นคำใหม่หรือเปลี่ยนหน้าที่ของคำ เช่น
lik’ewise
ba’ckward
h’omeward

5. การเน้นเสียงหนักในคำประสม (compound words)
คำประสม คือ คำที่เกิดจากการนำเอาคำ 2 คำ มารวมเป็นคำเดียวกัน ทำให้เกิด คำใหม่ที่มีความหมายใกล้เคียงกับความหมายเดิมหรือเปลี่ยนความหมายใหม่ได้ เช่น
bed (เตียง) + room (ห้อง) = a bedroom (ห้องนอน)
card (บัตร) + phone (โทรศัพท์) = a cardphone (โทรศัพท์ใช้บัตร)
school (โรงเรียน) + bus (รถประจำทาง) = a schoolbus (รถโรงเรียน)
hand (มือ) + bag (ถุง, กระเป๋า) = a handbag (กระเป๋าถือ)

การเขียนคำประสม มี 3 แบบ คือ
1. เขียนติดกัน เช่น
a classroom, a bedroom, a sweetheart, a highway, oversea
2. เขียนแยกกัน เช่น
a fountain pen, a ceiling fan, cooking oil, a swimming suit
3. เขียนแยกกัน มี hyphen คั่นระหว่างคำ เช่น
a test – tube
a window – pane
well – known